เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน สำหรับท่านที่กำลังจะมีบ้านหลังใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม คงจะคิดไม่ตกเกี่ยวกับการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่มากก็น้อยเลยใช่ไหมล่ะครับ คำถามต่างๆนาๆจะผุดขึ้นมาในหัว ว่าเราจะเลือกซื้อตู้เย็นแบบไหนดีนะ? แบบนี้จะใหญ่ไปไหม ? หรือห้องนอนขนาดนี้เลือกแอร์ขนาดไหนดี ? งั้น เรามาดู เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อย่างง่ายๆกันดีกว่าครับ
เรามาทำความเข้าใจหลักเกณฑ์ง่ายๆ เพียงไม่กี่ข้อนี้ ที่จะทำให้เราตัดสิ้นใจเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าบ้านได้อย่างง่ายๆกันครับ
1.เลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ข้อนี้น่าจะเป็นข้อที่เราควรคำนึงถึงเป็นอย่างแรกเลยล่ะครับ ซึ่งก็คือความเหมาะสมของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราจะเลือกซื้อ ยกตัวอย่างเช่น เราจะเลือกซื้อแอร์บ้านเราจะเลือกขนาดไหนดี ก่อนอื่นเราต้องรู้พื้นที่ของห้องที่เราจะติดตั้งก่อนว่าห้องกว้างหรือเล็กขนาดไหน เราจึงจะสามารถเลือกแอร์ที่มี BTU ที่เหมาะกับห้องนั้นๆได้ นั้นเองล่ะครับ
2.จำนวนวัตต์ของเครื่องใช้ไฟฟ้า
การคำนวณวัตต์ของเครื่องใช้ไฟฟ้าจะช่วยให้เราเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าได้เหมาะสมกับการใช้งาน และที่สำคัญจะช่วยให้เราได้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน และไม่กินไฟจนเกินไป โดยข้อมูลส่วนใหญ่จะสามารถดูได้กับป้ายที่ติดกับตัวเครื่องอยู่แล้ว หรือสังเกตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากแสดงถึงการประหยัดไฟ
3.ฟังก์ชั่นการใช้งาน
จริงๆแล้ว การเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ดีที่สุดนั้น อาจจะทำให้เราสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุก็เป็นได้ เนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฟังก์ชั่นที่ดีที่สุดนั้น ก็มาพร้อมกับราคาที่สูงที่สุดด้วยเช่นกัน และอาจจะไม่จำเป็นต่อการใช้งานของเราในชีวิตประจำวันขนาดนั้นก็ได้
4.ขนาดของเครื่องใช้ไฟฟ้า
ขนาดของเครื่องใช้ไฟฟ้าก็เป็นส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเราควรต้องคำนึงถึงคนในบ้านเป็นสำคัญ อย่างเช่น การเลือกซื้อตู้เย็น ถ้าเกิดว่าครอบครัวมีด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ตู้เย็นเราควรซื้อขนาดใหญ่เพื่อรองรับการใช้งานได้คบทุกคน หรือในกรณีที่เป็นคู่รักอยู่ในคอนโด เราควรมีตู้เย็นไซส์เล็กพอหรือไม่ เพื่อประหยัดพื้นที่ รวมไปถึงการประหยัดไฟด้วย
5.ราคา
เมื่อเราคำนวณหลายๆอย่างมาพอสมควรแล้ว ตั้งแต่เรื่องขนาด,ความเหมาะสม,การประหยัดไฟต่างๆ อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้เราชั่งใจยากอยู่พอสมควรนั้นก็คือเรื่องของราคา ต้องบอกไว้ตรงนี้เลยครับว่า จริงอยู่ว่าของราคาแพงอาจจะไม่ดีเสมอไป แต่ก็แน่นอนครับว่า ของราคาถูกก็ต้องแลกมาด้วยการรับประกันที่ต่ำเตี้ยอยู่พอสมควรเหมือนกัน มันจึงโยงไปยังข้อสุดท้ายนี้ครับ
6.การรับประกันและการดูแลหลังการขาย
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว เราต้องเลือกแบรนด์ที่มีการรับประกันและ เซอร์วิสหลังการขายที่ดี หรือตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้ เพื่อความสบายใจและ และการใช้งานที่ต่อเนื่องยาวนาน
นี้ก็คือหลักเกณฑ์การเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าบ้านอย่างง่ายๆ ที่คุณพ่อบ้านแม่บ้านทุกคนจะต้องทำความเข้าใจ และไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนจริงๆ เพื่อเนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสิ่งของที่มีราคาค่อนข้างสูง เราจึงต้องมั่นใจว่าเราจะได้สิ่งที่โดนใจจริงๆ เพื่อที่จะได้ไม่มาเสียใจภายหลัง
ต่อมา เรามาดูการเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบเจาะจงในแต่ละส่วนกันดีกว่าครับว่า หลักๆแล้วเราควรเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรบ้าง เข้าบ้านเราเป็นอันดับต้นๆ
อันดับที่ 1 เครื่องปรับอากาศ
แน่นอนครับว่า เครื่องปรับอากาศจะต้องเข้ามาอยู่ในหัวเราเป็นลิสต์แรกๆอย่างแน่นอน เนื่องจากอากาศบ้านเรานั้น เป็นที่เลื่องลือถึงความร้อนแรงขนาดนี้ เรียกได้ว่า ถ้าไม่มีแอร์ก็อยู่ไม่ได้กันเลยล่ะครับ ฉะนั้น การเลือกแอร์นั้น อย่างแรกที่ควรคำนึงถึงก็คือ “พื้นที่” ว่าแต่ละห้องควรเลือกแอร์ที่มีกำลัง BTU อยู่ที่เท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น ห้องรับแขกที่มีขนาดพื้นที่ขนาดใหญ่มากๆ ขนาดพื้นที่ประมาน 40-50 ตารางเมตร เราควรเลือกแอร์ที่มี BTU อยู่ที่ประมาน 30,000 BTU เพื่อที่จะให้ความเย็นกระจายได้ทั่วห้อง หรือถ้าเป็นห้องนอน ที่มีขนาดเล็กลงมา เราก็ต้องเลือกแอร์ที่มี BTU ขนาด 9,000 – 18,000 BTU ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
อันดับที่ 2 ทีวี
การเลือกทีวีนั้น แน่นอนครับว่าไม่มีกฎเกณฑ์อะไรตายตัวขนาดนั้น จริงๆแล้วขึ้นอยู่กับความพึงพอใจเป็นส่วนใหญ่เลยล่ะครับ เดี๋ยวนี้ทีวีในสมัยนี้นับว่าก้าวไกลไปมาก ทั้งความละเอียดของหน้าจอถึงระดับ 4k เพื่ออรรถรสในการรับชม หรือความฉลาดล้ำของ Smash TV ที่สามารถทำให้เราเข้าถึง Internet ได้อย่างดีเยียม แล้วเรื่องราคาที่เราสามารถจับต้องได้ง่ายๆ เลยล่ะครับ แต่ปัญหาหลายๆท่านก็อยู่ที่ ขนาดหน้าจอ เราควรจะเลือกซื้อขนาดหน้าจอเท่าไหร่ดีล่ะ ง่ายๆ เลยครับ ถ้าห้องนอนของเราไม่ใหญ่มาก ขนาดหน้าจอประมาน 32-40 นิ้ว ก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะครับ แต่ถ้าเป็นในส่วนของห้องนั่งเล่นล่ะ การซื้อขนาดหน้าจอ 40 นิ้วขึ้นไป ก็ไม่นับว่าสิ้นเปลื่องเท่าไหร่เลยล่ะครับ
อันดับที่ 3 ตู้เย็น
การเลือกซื้อตู้เย็นนั้น สิ่งที่ควรคำนึงถึงเลยนั้นก็คือ จำนวนคนในบ้าน เพราะเนื่องจาก ตู้เย็น เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับต้นๆ ในเรื่องของการกินไฟ ดั่งนั้นการคำนวณว่าสมาชิกในบ้านเรามีกี่คน ควรเลือกซื้อตู้เย็นขนาดกี่คิวดี ซึ่งถ้าเกิดครอบครัวเรามีขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เราควรเลือกตู้เย็นขนาด 15 คิว ขึ้นไปจึงจะเหมาะสม หรือเราอยู่คอนโดสมาชิก 2 คน ตู้เย็นแค่ 2.5 คิว ก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะครับ อ๋อ…อีกอย่างควรเลือกตู้เย็นที่ฉลากประหยัดไฟด้วยก็ดีครับ
อันดับที่ 4 เครื่องซักผ้า
การเลือกเครื่องซักผ้านั้น ก่อนอื่นเราต้องคำนวณสมาชิกคนในบ้านเป็นอันดับแรก ว่ามีกี่คน แต่ละคนมีลักษณะการใส่เสื้อผ้าแบบไหน แล้วหลังจากนั้นเราก็ต้องมาคำนวนปริมาณการซักในแต่ละครั้งว่าจะมีผ้าในการซักแต่ละครั้งมากน้อยขนาดไหน แล้วหลังจากนั้นก็ไปเลือกประเภทของเครื่องซักผ้า ว่าจะเป็นฝาหน้าที่ให้ปริมาณการซักที่ไม่เยอะมากแต่ให้กำลังการซักที่สะอาดหมดจดกว่า เครื่องซักผ้าที่เป็นฝาบนที่มีราคาค่อยข้างถูก และให้ปริมาณการซักที่เยอะแต่คุณภาพในการซักก็จะด้อยลงมาด้วย
อันดับที่ 5 เตาประกอบอาหาร
ในการเลือกเตาประกอบอาหารนั้น เราต้องดูความต้องการของเราว่า อาหารที่เราจะทำในแต่ละมื้อส่วนใหญ่นั้น เราทำอาหารประเภทไหน อาหารไทย ที่มีทั้ง ต้ม ผัด แกง ทอด เป็นส่วนใหญ่ หรือแค่ ต้ม อบ นึ่ง เบาๆ แล้วหลังจากนั้นเราก็มาดูประสิทธิภาพในการทำงานและความปลอดภัยเป็นหลักด้วย ควรเลือกเตาที่มีระบบความปลอดภัยในการตัดแก๊สหรือตัดไฟ และวัสดุในการผลิตที่ดูแข็งแรงคงทน เพราะเนื่องจากเตาประกอบอาหารต้องทำงานกับความร้อน จึงต้องเลือกยี่ห้อที่มีวัสดุแข็งแรง เป็นต้น ส่วนจะเลือกว่าจะเอาแบบ เตาแก๊สหรือว่าเตาไฟฟ้าดีนั้น ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลเลยครับ
อันดับที่ 6 เครื่องดูดควัน
ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อเรามีเตาประกอบอาหารแล้ว เราจะขาดสิ่งนี้ไปไม่ได้อย่างแน่นอน เครื่องดูดควันนั้นเองละครับ การทำอาหารนั้นเมื่อเสร็จสิ้น แน่นอนว่าจะต้องมีการหลงเหลือของควันในการทอด ผัด หรือกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ฉะนั้น การเลือกเครื่องดูดควันที่ดีนั้น ควรให้ความสำคัญต่อกำลังดูดของเครื่องดูดควัน ในกรณีที่เราทำอาหารประเภท ทอด ผัด ที่เป็นประเภทครัวร้อน หรือถ้าเราทำอาหารแบบเบาๆ หรืออยู่ในคอนโดซึ่งไม่สามารถติดตั้งฮูดที่สามารถต่อท่อออกด้านนอกได้นั้น เราก็ต้องเลือกเครื่องดูดควันแบบหมุดเวียนภายใน นั้นเองล่ะครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น การเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและความเหมาะสมในการใช้งานของเราแถบทั้งสิ้น เราต้องเลือกประเภทที่ตรงกับการใช้งาน แบรนด์ที่ตรงใจ และการเซอรวิสหลังการขายที่เป็นเลิศ หรือการเลือกซื้อกับตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ เราก็จะได้ของที่มีคุณภาพ ไม่ต้องมาเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน